ทำงานที่บ้านอย่างไรไม่ให้เสียสติ

จากสถานการณ์ปัจจุบันที่บริษัทแต่ละแห่งต้องมีการอนุมัติให้พนักงานทั่วไปนั่งทำงานอยู่ที่บ้านนั้น เนื่องจากปัญหาเรื่องการแพร่ระบาดของไข้ไวรัสโควิด19 จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ทุกคนที่มีอาชีพเป็นลูกจ้างประจำหรือพนักงานอิสระต้องมานั่งทำงานที่บ้านแทน

ซึ่งจากเดิมนั้นอาจจะไม่ต้องทำงานที่บ้านก็ได้ อาจจะเป็นร้านการแฟเก๋ก็ได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้ว เพราะทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกันแก้ปัญหาเรื่องโรคระบาดนี้ แต่คราวนี้พอกลับมาที่บ้าน ที่ที่ไม่ใช่ออฟฟิศ อาจให้หลายคนทำงานได้ไม่เต็มที่ อาจจะด้วยเรื่องของอุปกรณ์การทำงาน

หรือสภาพแวดล้อมที่ต้องปรับตัวกันพอสมควร แต่ก็คงไม่หนักเท่ากับคุณแม่ที่ต้องเตรียมรับมือทำงานที่บ้านพร้อมกับเลี้ยงลูกไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งมันอาจจะดูเป็นความท้าทายของหลายๆคน  แต่ถ้าลูกอยู่ในวัยที่กำลังซนและยังพูดไม่ค่อยรู้เรื่องอาจจะทำให้ความท้าทายกลายเป็นความเหนื่อยแทน

และยิ่งถ้าลูกของคุณนั้นยังไม่โตพอหรือเข้าใจกับสถานการณ์การกักตัวและป้องกันจากการแพร่ระบาดเรื่องโควิดนี้แล้วหล่ะก้อ ทางสภาเศรษฐกิจโลก ก็มีคำแนะนำสำหรับมนุษย์ที่ต้องทั้งเลี้ยงลูก และทำงานไปด้วยอยู่ที่บ้าน เพื่อให้เกิดความสมดุลและเสียสติไปก่อน

  1. พูดคุยเรื่องคุณค่าและค่านิยมกับลูก ซึ่งช่วงเวลานี้ เป็นเวลาที่ดีที่จะได้นั่งคุยและอธิบายกับลูกว่าเพราะอะไรเราถึงต้องเว้นระยะห่างทางสังคม หรือวิธีการทำงานที่บ้าน และคุณสามารถใช้เวลานี้ในการเปิดใจ คุยกับสมาชิกครอบครัวที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลงในลูกหลาน
  2. สร้างความเข้าใจให้ตรงกัน โดยเราต้องตัดสินใจปรับเปลี่ยน ให้เข้าใจกับสถานการณ์ พึ่งพาความคิดของเราเอง และอธิบายเค้าว่า เราไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อย่างนี้มาก่อน อาจทำให้เราเข้าใจกันผิดและคลาดเคลื่อน
  3. ปล่อยผ่านความไม่สมบูรณ์แบบ เพราะถ้าคุณเป็นคนมีมาตรฐานการทำงานที่สูง แม้ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน ให้คิดว่านี่เป็นการฝึกความผ่อนคลาย ลูกอาจจะทำให้บ้านรก เวลาที่คุณคุยโทรศัพท์เรื่องงาน ยอมปล่อยผ่านความสมบูรณ์แบบที่น้อยลงจากชีวิตไปบ้าง
  4. พยายามรักษาความเชื่อมโยงกับสังคม ซึ่งคำว่าระยะห่างทางสังคม ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องตัดทุกอย่างจากโลกภายนอก คุณยังคงต้องหาทางรักษาความเชื่อมโยงกับเครื่องมือ ที่ทำให้คุณมีเวลาที่จะมีความรู้สึกว่าไม่โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้
  5. สร้างสรรค์และตอกย้ำ แน่นอนว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างแท้จริง แต่หากใช้เวลาและโอกาสนี้ให้เกิดประโยชน์ และอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวมากขึ้น มันจะทำให้มีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

บัตรทองรักษาฟรี โควิด19

บัตรทองรักษาฟรี โควิด19 ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชน

หลังจากที่เป็นเรื่องถกเถียงกันอย่างมายาวนาน ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาดของไข้ไวรัสโควิด19 ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา จนเวลานี้คือกลางเดือนเมษายน ซึ่งใช้เวลาเกือบสามถึงสี่เดือน ในการสรุปว่าประชาชนที่มีบัตรประกันสังคมสามารถรักษาไข้ไวรัสโควิด19 ได้หรือไม่

ซึ่งล่าสุดก็มีความชัดเจนกันไปแล้วว่าสามารถรักษาได้ฟรี สำหรับผู้ถือบัตรประกันสังคม ส่วนบัตรทองก็เพิ่งได้ข้อสรุปในวันนี้ ที่ประชาชนผู้ที่ถือบัตรทองสามารถรักษาได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐบาลและโรงพยาบาลเอกชน เพราะหลังจากที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาตลอดว่า ทำไม่ประชาชนถึงไม่สามารถหาหมอหรือรักษาอาการไข้เหล่านี้ได้

โดยการที่รัฐบาลไทยออกมาคุ้มครองเหมือนประเทศอื่นๆ เพราะเมื่อช่วงแรกที่ไข้ไวรัสนี้ระบาดเข้ามาในไทยนั้น มีพวกผู้ป่วยที่ได้รับการติดเชื้อได้ไปหาหมอเพื่อเพื่อรักษาโรคนี้ แต่ปรากฏว่า บางโรงพยาบาลก็รับเข้าการรักษา แต่ค่าใช้จ่ายก็เป็นหลักแสน บางโรงพยาบาลก็ไม่ยอมรับการรักษา

เพราะกลัวจะกลายเป็นประเด็นที่มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิดอยู่ที่โรงพยาบาล จะทำให้ไม่มีคนไข้ที่ไม่สบายเป็นอาการอื่นๆ  ซึ่งกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ที่รัฐบาลไทยไม่แก้ปัญหาเรื่องนี้ จนทางบริษัทประกันชีวิตต่างๆ ได้ใช้ช่องทางนี้ในการจูงใจให้คนทำประกันเพื่อรักษาโรคโควิด

แต่ใครจะกันได้ทุกคน เพราะตาสี ตาสา คนใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ ลำพังจะกินในแต่ละวัน พวกเค้าเหล่านี้ก็เหนื่อยแทบใจจะขาด และยิ่งรัฐบาลมีมาตรการออกมาให้มีการปิดกิจการชั่วคราวบางประเภท ซึ่งส่งผลต่อพนักงานและลูกจ้างรายวัน เป็นอย่างมาก เพราะกิจการต่างๆ

หรือห้างร้านที่ต้องปิดเป็นการชั่วคราวด้วยตามาตรการของรัฐบาลนั้นทำให้พวกเค้ากลายเป็นคนตกงานในชั่วค่ำคืน นั่นคือสาเหตุที่พวกเค้าจะเอาเงินที่ไหนไปรักษาตัวหากเค้าต้องติดไวรัส และกลายเป็นผู้ป่วยโควิด19 ขึ้นมา จนล่าสุด สุดท้ายด้วยการทำงานแบบเต่าล้านปีไดโนเสาร์ที่รอกันมาเกือบสามเดือน

จึงจะมีนโยบายออกมาว่า คนไทยสามารถใช้บัตรทองและบัตรประกันสังคมรักษาอาการป่วยโควิด19 ได้ตามจริง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่สามารถช่วยให้คนที่ถือบัตรทอง ได้มีหลักประกันในการหาหมอ เพื่อรักษาตัวเอง เพราะแค่จะรอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไข้ไวรัสนั้น

คงจะทำได้แค่เก่งแต่ปากที่บอกว่าเอาอยู่ หรือมาตรการเยียวยาต่างๆ ที่มีแต่คำพูดแต่ไม่มีจริงในโลกแห่งความจริง อยากรู้ว่า ทำไมการอนุมัติซื้ออาวุธเพื่อหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ไม่เห็นต้องรอนานเหมือนการรอบัตรทองรักษาโควิด19 เลย

 

ขอบคุณ  ufabet  ผู้ให้การสนับสนุน

ความกลัวของการเปลี่ยนงาน

มนุษย์บนโลกใบนี้ มักมีความกลัวซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจและจิตใต้สำนึก เมื่อครั้นที่ต้องมีเรื่องที่ทำให้เราต้องตัดสินใจเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เคยทำอยู่เดิมๆ มาเป็นระยะเวลานั้น แล้วต้องเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เราเคยทำอยู่ คนเราทุกคนมักจะเริ่มมีความกลัวทางด้านจิตใต้สำนึกเข้ามาเกี่ยวข้อง

เช่นเรื่องของการเปลี่ยนงาน ซึ่งคนเรามักจะหาเหตุผลเพื่อสนับสนุนความกลัวนั้น โดยเหตุผลสองประการหลักๆ คือ หนึ่งกลัวความล้มเหลว และสอง เสียดายความรู้ที่เรียนมา ความกลัวหลักๆที่ทำให้หลายคนไม่กล้าเปลี่ยนงาน คือ การมีภาระทางด้านครอบครัว ซึ่งต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายและการดูแลคนอื่นๆในบ้าน

ซึ่งถ้าหากเปลี่ยนงานแล้วไม่ประสบความสำเร็จ อาจจะมีผลกระทบทำให้ครอบครัวเดือดร้อน นั่นจึงเป็นความกลัวที่ทำให้หลายๆ คนไม่กล้าเสี่ยงที่จะเปลี่ยนงาน นั่นจึงเป็นคำตอบที่สุดท้ายมักจะจบลงด้วยการทำงานอยู่ที่เดิม ซึ่งหลายคนที่ตัดสินใจเช่นนี้ มักจะหาเหตุผลมารับรองตัวเอง

เมื่อถูกตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่เปลี่ยนงาน เช่น “ทำงานที่ไหนก็เหมือนกัน” ซึ่งคำตอบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก เพราะมันคือสัญชาตญาณหาความปลอดภัยที่อยู่ในตัวของทุกคน เพราะการรอบคอบไว้ก่อนเป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแต่เราต้องระวังอย่าปล่อยให้ความรอบคอบกลายเป็นความกลัวที่จะล้มเหลวมากเกินไป จนขยับตัวไม่ได้ 

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คนที่ไม่กล้าเปลี่ยนงาน ต้องหันมาทำความเข้าใจของคำว่า “ล้มเหลว” กันใหม่ เพราะงานทุกงานนั้น มีความเสี่ยงกันทั้งนั้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน เป็นเจ้าของธุรกิจหรือเป็นลูกจ้าง

ดังนั้น คุณต้องมีการประเมินความเสี่ยงเป็นระยะๆ ต่อให้ธุรกิจเติบโตหรือตำแหน่งงานของคุณไปได้อย่างดีเยี่ยม วันหนึ่งตื่นเช้ามาก็อาจพบว่าฟ้าถล่มก็เป็นไปได้ เหมือนที่เศรษฐกิจไทยทุกวันนี้เป็นกันอยู่ ในชั่วข้ามคืน สิ่งที่มั่นคงที่สุดอาจกลายเป็นความไม่มั่นคงได้

ดังนั้นเราไม่ควรปล่อยความกลัวมาครอบงำจนทำให้เกิดความล้มเหลว เพราะมันคือเรื่องธรรมดา แต่ถ้าวางแผนดี รอบคอบ ก็จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงลง “ความล้มเหลว” ไม่ได้หมายถึงรายได้น้อยลง เพราะหากคุณมีความสุขกับการทำงาน ก็คือความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว

สำหรับคนที่คิดเปลี่ยนสายอาชีพแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เทคนิคหนึ่งที่ทำได้คือ ค่อยๆ เปลี่ยน เช่นวันหนึ่งหากคุณมีงานประจำ

แต่อยากเปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักเขียนมืออาชีพ คุณก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนโดยทันที ใช้วิธีจับปลาสองมือไปก่อน แค่จัดสรรเวลาให้ดี ไม่ให้มีผลกระทบกับงานประจำ แล้วดูว่างานที่คุณเปลี่ยนเหมาะกับคุณมั้ย ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่คิดจะเปลี่ยนงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  เซ็กซี่เกม บาคาร่า

อนาคตเราอาจไม่เหลือ สายการบินของไทย

ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน อดีตเคยยิ่งใหญ่ ปัจจุบันอาจจะเป็นแค่ฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในธุรกิจระดับประเทศหรือระดับโลกก็เป็นไปได้ ยิ่งด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจ ที่ไม่มีความแน่นอนบนโลกปัจจุบัน ประกอบกับปัจจัยหลายๆ อย่างทั้งในประเทศและนอกประเทศ

รวมไปถึงปัจจัยที่ไม่อาจสามารถควบคุมได้ ไม่ว่าจะเป็นภัยธรรมชาติและหรือโรคติดต่อ หากผู้บริหารของแต่ละองค์กร ไม่มีวิสัยทัศน์ที่ชาญฉลาดและมองขาด อ่านเกมล่วงหน้าและคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการบริหารการจัดการที่ให้อยู่ในระเบียบแบบแผน และรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันคาดคิดได้

ธุรกิจนั้นคงพัง เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจสายการบิน สายการบินที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสายการบินของคนไทย สายการบินแห่ง นั่นคือสายการบินไทย ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แม้ไม่เจอภัยหรือสถานการณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ สายการบินไทยนี่ ก็อ่วมอรทัยเกือบทุกปี

ด้วยการบริหารที่เอื้อผลประโยชน์ต่อองค์กรและพนักงานรวมถึงบุคคลกร แต่ไม่คำนึงถึงการบริหารธุรกิจซึ่งเป็นสิ่งสำคัญ จึงทำให้มีผลการประกอบการที่ขาดทุนอยู่เกือบทุกปี และมาปีนี้ ปีที่เรียกว่าอาจจะเผาเศรษฐกิจไทยจริงๆ หลังจากที่หลายๆคน บอกว่าจะเผา จะเผา แต่ก็กลายเป็นเผาหลอกทุกครั้งไป

แต่สำหรับปีนี้คงไม่ใช่ ด้วยสภาวะเศรษฐกิจ และสถานการณ์ไข้โควิดที่กำลังระบาดจนอยู่ทุกวันนี้ น่าจะเป็นตัวแปรปัจจัยสำคัญที่ทำให้การบินไทย ถึงเวลาต้องปิดตัวลง เพราะไม่อาจทนแรงต้านทานที่จะแบกรับต้นทุนที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้อีก ด้วยรายได้หลักที่มาจากการบินในภูมิภาคเอเชีย ที่ทุกวันนี้ต้องยกเลิกทุกเที่ยวบิน และจอดเครื่องบินที่วิ่งเส้นทางนี้ไว้เฉย

เปรียบเสมือนคลังโชว์เครื่องบิน ส่วนจะหวังพึ่งรายได้อีกทางที่ทุกปีพอจะช่วยโอบอุ้มให้มีผลประกอบการที่ดีขึ้นได้ อย่างการบินข้ามทวีป ก็ไม่สามารถจะหวังพึ่งพาอะไรได้อีก เพราะแต่ละประเทศที่ทางการบินไทย เคยได้ทำการบินไว้นั้น ตอนนี้ทุกประเทศปลายทางยกเลิกการเดินทางเข้าประเทศทุกเที่ยวบิน

ครั้นกับรายได้ที่ทางการบินไทยไม่เคยสนใจในเรื่องของการให้บริการการบินในประเทศนั้น ก็คงไม่ได้ช่วยอะไรแม้กระทั่งเงินที่จะเอามาจ่ายพนักงานทุกหน่วยงานและทุกภาคส่วนในองค์กร ของแต่ละเดือน เพราะแค่เที่ยวบิน กรุงเทพฯ ไป เชียงใหม่ จังหวัดที่ขายดิบขายดีและมีคนเดินทางบ่อย

ตอนนี้เรียกได้ว่านับหัวผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนเครื่องบินได้อย่างสบาย เพราะเอาจริงที่ว่าค่าน้ำมันบินไปกลับนั้น เมื่อเอามาเทียบกับจำนวนที่ผู้โดยสารใช้บริการนั้น ยังไม่คุ้มเลย สู้จอดนิ่งสนิทเฉยๆ จะดีกว่า ไม่รู้ว่ารุ่นหลาน ยังจะรู้จักสายการบินนี้อีกมั้ย

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  sagame