การขยายอิทธิพลของอังกฤษในอินเดีย

หลังจากที่อังกฤษได้มีการยกเลิกระบบการปกครองก็คือเจ้าครองนครในหลากหลายพื้นที่อังกฤษเองได้มีการแต่งตั้งข้าหลวงหรือผู้ว่าการของเมืองชายฝั่งที่สำคัญอีกหลากหลายพื้นที่ก้าวสำคัญต่อมาคือการขยายพื้นที่จากเมืองชายฝั่งทางตอนนอกเข้าสู่ตอนในของอินเดีย

การขยายอิทธิพลของอังกฤษในอินเดีย โดยการทำสงครามกันอย่างต่อเนื่องเริ่มต้นกันที่ตะวันตกเฉียงใต้อันได้แก่รัฐไมซอร์ที่รบกัน4ครั้งระหว่างปี1766-1799

ตามมาด้วยสงครามมาลาพาที่มีการทำสงครามกันหลายครั้งและแน่นอนจบลงด้วยชัยชนะของจักรวรรดิบริติชเสมอมา เมื่อกินพื้นที่ได้มากมายมหาศาลบริษัทบริติชอีสอินเดียจึงได้มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งผู้ว่าการเมืองและผู้ว่าการรัฐต่างๆมาเป็นผู้ว่าการแห่งอินเดีย

กล่าวเป็นผู้ว่าการดูแลอินเดียทั้งประเทศเลยนั่นก็คือตำแหน่งของเขาในปี1773สำหรับผู้ว่าการอินเดียคนแรกคือ เฮสติ้งส์ บุคคลซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นสหายร่วมรบในหลายสงครามและในสงครามครั้งหนึ่งเขาเคยถูกจับเป็นตัวประกันที่ฟอตวินเลียมอีกด้วย

สำหรับผู้ว่าการอินเดียคนที่สามถือได้ว่าเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญอีกคนนึงที่ต่อมาได้มีศักดิ์เป็นผู้ที่มีก้าวเข้ามามีอำนาจในปี1798 วิธีการขยายอำนาจของเขานั้นคือการใช้กลไลที่เขาเรียงว่ารัดในอานิดวิธีการของเขานั้นคือการบีบบังคับให้เจ้าครองนครที่ยังมีอยู่ไม่ว่าจะเป็นนาวาปหรือมหาราชาในภูมิภาคต่างๆต้องยุติการเดินกองทัพและต้องส่งมอบกำลังทหารให้กับอังกฤษทั้งหมด

ซึ่งอังกฤษนั้นจะทำหน้าที่บริหารจัดการกองทัพที่เป็นการรวมกันระหว่างทหารอังกฤษและทหารพื้นเมืองอินเดียเข้าด้วยกันรัฐต่างๆ

จะต้องรับมีการจ่ายเงินค่าคุ้มครองค่าเช่ากองทัพให้กับeicหรือบริษัทบริติชอินเดียอีกในต้นศตวรรษที่19มีหลักฐานว่ามหาราชาอินเดียในบางรัฐไม่สามารถที่จะทนได้กับการกดดันของการสถาปนาของอังกฤษจึงมีการรอบติดต่อกับฝรั่งเศส

เพื่อให้มาคานดุลกับอังกฤษบนแผนดินของตัวเอง  ufabet ฝากเงิน ออโต้   ถึงขนาดได้ทำการติดต่อกับจักรวรรดินโปเลียนให้มีการคลื่นกำลังพลกองทัพเรือที่กำลังคุมอยู่ที่อียิปต์เข้ามาช่วยอินเดียแต่ถึงแม้ว่าจะมีกำลังมาบ้างแต่บนชมพูทวีปในเวลานั้นไม่มีใครใหญ่เกินกว่าบริษัทนี้บริติชอินเดีย

นอกจากนี้ในช่วงกลางศตวรรดิที่19มหาอำนาจอื่นๆเองตระหนักถึงความร่ำรวยของจักรวรรดิบริติชจึงได้พยายามที่จะแผ่ขยายอำนาจมาสู่ภูมิภาคที่อังกฤษครอบครองอยู่เช่นรัสเซียเองก็นิ่งเฉยวางแผนการขยายอำนาจลงใต้ผ่านอัฟกานิสถานพยายามที่จะเจาะอินเดียทางตะวันตกเฉียงเหนือถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เพียงแผนการแต่สิ่งนั้นเริ่มทำให้อังกฤษตระหนักแล้วว่าพวกเขาควรขยายอำนาจขึ้นไปทางทิศเหนือป้อมปรามการขยายอำนาจลงมาของจักรวรรดิรัสเซีย

โครงการคนละครึ่ง รีบใช้ก่อนหมดโครงการ 31 มีนาคมนี้เท่านั้น

        โครงการคนละครึ่ง โครงการที่รัฐบาลจัดทำขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนโครงการคนละครึ่งซึ่งมีผู้ที่ใช้สิทธิ์เป็นจำนวนมากโดยมีคนลงทะเบียนมาถึงเกือบ 15 ล้านคนเลยทีเดียวและในขณะนี้มียอดการใช้งานเงินในโครงการคนละครึ่งไปแล้วเกิน 100,042 แสนล้านบาท   

          ซึ่งประชาชนแต่ละคนที่เข้าร่วมโครงการนั้นจะได้รับเงินช่วยเหลือคนละ 3,500 บาทเป็นค่าใช้จ่ายในการใช้สำหรับซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆกับร้านค้าที่ร่วมโครงการซึ่งโครงการนี้ได้มีการกระจายไปทั่วทุกจังหวัดทั่วประเทศไทยและโครงการนี้ก็ได้รับการตอบรับกับประชาชนดีมากๆเลยทีเดียว

        ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ดีใจที่มีส่วนร่วมที่ได้มีการสร้างโครงการดีๆอย่างนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นการส่งเสริมการบริโภคสินค้าภายในประเทศและยังเชื่อว่าโครงการนี้จะสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยให้กับมณีได้เพราะการที่ประชาชนมีการใช้จ่ายเงินในการซื้อสินค้ามากขึ้นก็จะทำให้ร้านค้ามีรายได้มากขึ้นเป็นการเพิ่มจำนวนการใช้จ่ายเงินของประชาชนนั่นเอง

          จากการสำรวจของรัฐบาลที่ดูแลโครงการคนละครึ่งปรากฏว่ามีจังหวัดกรุงเทพฯถึงจังหวัดชลบุรีและจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็น 3 จังหวัดแรกที่มีการใช้จ่ายโครงการคนละครึ่งมากที่สุดนั่นเองอย่างไรก็ตามทางด้านรัฐบาลได้มีการออกมาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องของการรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งที่ถ้าประชาชนคนไหนยังคงมีเงินเหลืออยู่ในเป๋าตุงให้มีการรีบใช้จ่ายเงิน

          เนื่องจากว่าโครงการคนละครึ่งจะมีการสิ้นสุดโครงการในวันที่ 31 มีนาคมปีพ.ศ 2554 นี้เท่านั้นดังนั้นถ้าหากใครที่ใช้เงินไม่หมดก่อนวันที่ 31 เงินที่เหลือจะถูกดึงคืนเข้างบประมาณของรัฐบาลไทยช่วงนี้ประชาชนสามารถที่จะรีบใช้จ่ายเงินที่เหลือได้ในการซื้อสินค้าไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคหรือบริโภคต่างๆได้เลย 

       สำหรับโครงการคนละครึ่งนั้นเป็นโครงการที่ทางรัฐบาลต้องการมุ่งเน้นที่จะช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหลังจากที่มีการระบาดของไวรัสโควิดซึ่งโครงการนี้ประชาชนได้รับผลดีมากๆเพราะยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนในการที่จะใช้ซื้อสิ่งของได้ 

          โดยเงื่อนไขของโครงการนั้นจะมีการ จ่ายเงินให้กับประชาชนในการโอนเงินเข้าบัญชีเป๋าตุงหากประชาชนมีการลงทะเบียนผ่านและมีเงื่อนไขว่าจะต้องใช้ เงินโครงการคนละครึ่งได้สูงสุดวันละไม่เกิน 150 บาทโดยจะดูจากยอดที่ลูกค้ามีการใช้งานหากลูกค้ามีการซื้อสินค้าไป 100 บาทก็จะจ่ายคนละครึ่งนั่นก็คือคนละ 50 บาทซึ่งภายใน 1 วันนั้นจ่ายได้ไม่เกิน 150 บาทนั่นเองถึงแม้ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือที่มีแล้วไม่เยอะแต่ก็สามารถลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้อย่างมากเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากเงิน ออโต้

โควิดระบาดระลอก3นี้ร้านอาหารจะรอดหรือไม่

โควิดระบาดระลอก3 ในกรณีห้ามนั่งรับประทานอาหารในร้านที่ได้อยู่ในจังหวัดโซนสีแดงเข้มให้ซื้อกลับอย่างเดียว6จังหวัดจะครบกำหนดกันอยู่แล้วจะผ่อนคลายหลังครบกำหนดมาตรการได้หรือไม่ โฆษก ศบค. ได้บอกว่าสาธารณะสุขจะดูว่ามาตรการนั่นจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนได้หรือเปล่า

ถ้าสร้างได้ก็จะผ่อนคลายโดยเร็วพอได้ฟังคำตอบแบบนี้ก็เป็นท่าทีที่แบ่งรับแบ่งสู้กันอยู่6จังหวัดสีแดงเข้มที่ห้ามทานในร้านนั่นเป็นจังหวัดเศรษฐกิจใหญ่ร้านอาหารมีทุกประเภทมีจำนวนมากทั้งที่ชลบุรี เชียงใหม่ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ

มาตรการที่จะครบกำหนดก็คือวันที่14นี้ยกเว้น กทม. ที่ได้ขยายเวลาออกไปเป็น17พฤษภาคมมาจนถึงตอนนี้ถ้าจะผ่อนคลายกลับไปนั่งรับประทานอาหารในร้านได้หรือไม่นั้นก็จะมีผลว่าร้านจะไปรอดหรือไม่รอดการคาดการณ์ของศูนย์วิจัย กสิกร ไทยจากข้อมุลของสมาคมภัตตาคารไทยเขาได้มองแบบนี้ว่ามูลค่าธุรกิจร้านอาหารทั้งในห้างนอกห้างรวมไปถึงร้านริมทางจะลดลงอย่างแน่นอนในปีนี้

ซึ่งจะลดลงแบบไหนจะลดลงน้อยหน่อยลดลงไปที่2.5%หรือจะลดลงไปมากถึง5.6%เรื่องนี้มันกจะขึ้นอยู่กับความเข้มของมาตรการสมาคมภัตตาคารไทยในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการเขายื่นหนังสือร้องของความเห็นใจจากภาครัฐด้วยที่ร้านอาหาได้ให้ความร่วมมือดำเนินตามมาตรการสาธารณะสุขมามากกว่า1ปีแต่ว่าร้านอาหารสายป่านไม่ยาวพอก็ขอความชัดเจนว่าแล้วจะกลับมานั่งกินในร้านตามปกติหลังจากนี้ได้หรือไม่แล้วถ้าไม่ได้จะเยี่ยวยาอย่างไร

หากมมองสถานการณ์ตอนนี้หลายคนก็จะเห็นว่าตัวเลขทรงตัวอยู่ในระดับสูง ศบค. อาจจะยังไม่มั่นใจว่าคุมการระบาดอยู่ได้หรือไม่การนั่งกินในร้านด้านนึงก็คือความกังวลว่าร้านอาหารที่มีการหมุนเวียนผู้คนในจำนวนมากจะกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ทำให้เกิดการระบาดใหม่หรือว่าคัตเตอร์ใหม่ขึ้นมาได้

ดังนั้นถ้าจะให้มองลึกไปกว่านั้นการเปิดยอมให้นั่งทานในร้านก็เสมือนส่งเสริมให้คนออกจากบ้านไปใช้บริการในตอนนี้คนทำงานที่บ้านเบื่อๆก็ออกไปนั่งทานอาหารนอกบ้านแทนอย่างทำแบบนั้นเพราะฉะนั้นนโยบายเวิคฟอมโฮมก็จะไม่ช่วยอะไรเลยถ้าจะให้เป็นแบบนั้น

การเปิดให้นั่งทานในร้านยิ่งส่งเสริมทำให้คนยิ่งออกจากบ้านแล้วยิ่งเสี่งต่อการแพร่กระจายเชื้อเพิ่มมากขึ้นรัฐบาลก็ต้องหาทางยังให้คนอยู่บ้านกันไปก่อนในตอนนี้ถ้าหากยังเปิดให้นั่งรับประทานอาหารภายในร้านไม่ได้สมาคมภัตตาคารไทยเขาก็เลยท้วงถามว่าถ้าอย่างนั้นรัฐบาลมีข้อเสนออะไรที่รัฐบาลลพอที่จะเข้ามาเยี่ยวยาได้หรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นด้านภาระของต้นทุนค่าใช้จ่ายหรือว่าด้านการขายแล้วก็รายได้นักวิชาการบางส่วนเขาก็ได้ให้ความเห็นว่าในด้านต้นทุนถ้าจะมาออกกฎบังคับมาลดค่าเช่าร้านอาจจะทำไม่ได้นี่เป็นเรื่องของเอกชนแต่ในเรื่องของการลดภาษีถ้ารายได้ลดภาษีก็จ่ายน้อยลงอยู่แล้วเป็นอัตโนมัติ

 

สนับสนุนโดย.  ufabet ฝากเงิน ออโต้